ประสบการณ์การสอบ UCE โครงการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระยะสั้น

สวัสดีค่ะทุกคน! :) บทความนี้เราจะมาเล่าถึงประสบการณ์ที่เราได้ไปสอบโครงการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระยะสั้น UCE พร้อมทั้งบอกแนวข้อสอบและการเตรียมตัวสอบ เพื่อเป็นแนวทางให้ผู้ที่สนใจมาสอบในอนาคตค่ะ

จริงๆ โครงการได้ประกาศผลสอบมาสักพักแล้ว (ตั้งแต่ปลายเดือนกันยา -_-) และผลปรากฏว่าเราสอบได้ประเทศนิวซีแลนด์อันดับที่ 9 ค่ะ (เลือกแค่ประเทศเดียว) หลังจากนั้นก็เริ่มรายงานตัวและจ่ายเงินงวดแรกทันที


สำหรับการสอบนั้น เราได้ไปสอบที่สถาบันวิชาการทีโอที (TOT Academy) ซึ่งเป็นสถานที่สอบส่วนกลาง พอไปถึงอาคารก็จะมีป้ายประกาศรายชื่อผู้มาสอบและแผนผังที่นั่งสอบ ซึ่งจะแบ่งแถวนั่งไปตามระดับชั้น (ตอนเราสอบมีระดับมหาลัยมาสอบด้วย O_o) เรามีความรู้สึกว่ามีคนมาสอบที่นี่ไม่เยอะเลยนะ (แต่อย่าลืมว่าหลายๆโรงเรียนในต่างจังหวัดก็มีจัดสอบด้วย -_-) การสอบใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่งเอง :)

ในส่วนของข้อสอบจะมี 2 พาร์ท ได้แก่
1. ทดสอบภาษาอังกฤษ 2. ทดสอบวัดความพร้อม (ภาษาไทย) และ Listening Test

พาร์ทแรก ทดสอบภาษาอังกฤษ ข้อสอบจะแยกตามระดับชั้น มี 2 ส่วน คือ ข้อสอบกากบาท 4 ตัวเลือก (Grammar, Structure, Vocabulary, Reading Comprehension) และเขียน Essay

ส่วนข้อสอบกากบาทนั้น เราคิดว่ามันง่ายอยู่นะ ถ้าเป็นคนที่ชอบภาษาอังกฤษก็อาจจะสบายๆ แต่ตรงคำศัพท์อาจจะยากหน่อย สำหรับเรา เราเตรียมตัวโดยการท่องศัพท์ของครูสมศรี (ใบตัวอักษรสีฟ้าๆ ใครไม่มีหาดาวน์โหลดได้นะคะ) ซึ่งเราว่ามันก็ออกศัพท์ในนั้นเยอะอยู่ พวก Grammar, Structure เราไม่ได้อ่านไปมาก ดูแบบผ่านๆเลยล่ะ -_- (ถ้าใครไม่รู้จะหาอ่านจากไหนก็เสิร์ชดูติวฟรี ครูสมศรีใน Google ได้) ส่วน Reading Comprehension ก็ไม่ยาก เรื่องอ่านง่ายไม่ซับซ้อนอะไรเลย ส่วนใหญ่คำตอบจะมีในเนื้อเรื่องนั่นแหละ ที่เราเตรียมตัวไปก็อ่านพวกศัพท์ที่ไว้ตอบพวกวัตถุประสงค์ของเรื่อง, น้ำเสียง, สไตล์การเขียน ทำนองนั้น :)
หมายเหตุ: เราไม่ได้เรียนพิเศษกับครูสมศรีนะ แต่มีพวกชีทคำศัพท์ต่างๆที่ได้มาจากเพื่อนอีกที แต่ก็ต้องขอขอบคุณครูสมศรีมากๆที่ทำชีทดีๆอย่างนี้มาให้ฟรี ^_^

ส่วนของ Essay หัวข้อจะรู้ในข้อสอบเลย ที่เราสอบได้หัวข้อ "Why is education so important in our life?" บรรทัดให้มาเยอะมากจนเครียด ฮ่าๆๆ -_-; ก็พยายามเขียนให้ตรงประเด็นที่เราต้องการสื่อให้มากที่สุด สำหรับเรา เราเขียนร่างออกมาเป็นข้อๆก่อนนะ ก่อนจะเขียนจริง ซึ่งจะเขียนอธิบายจากกว้างไปแคบ (ดูดีเนอะ ฮ่าๆๆ อาจารย์ที่โรงเรียนสอนมา) เราเขียนไปได้ไม่มาก เพราะคิดไม่ค่อยออก ได้ไปประมาณเกือบ 10 บรรทัดเองมั้ง (T_T) แต่เอาเหอะ เต็มที่แล้วจริงๆ

พาร์ทที่สอง ทดสอบวัดความพร้อม (ภาษาไทย) และ Listening Test ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง
ตาย! ตาย! ตาย! ลูกเดียว T_T ไอ้ข้อสอบวัดความพร้อมเนีย เรามาตายตรงมันถามความรู้รอบตัว (รู้สึกว่าตัวเองโง่มากกกก :'( ) คือกามั่วอย่างเดียวเลย แต่ตรงที่ให้แก้ปัญหาต่างๆก็ทำได้อยู่ แต่เวลาให้น้อยเกิ๊นนนนน! ต้องรีบๆเขียนเลยพาร์ทนี้ เชื่อว่าใครๆก็ทำได้
Listening Test ง่ายมากกกกกกกก! จำนวนข้อที่ต้องทำแบ่งตามระดับชั้น ส่วนของม.ต้น เป็นคำถามที่ตอบสั้นๆ ม.ปลายก็ยาวขึ้นมาหน่อย ส่วนมหาลัยเห็นบรรทัดให้ตอบเยอะอยู่ แต่จำไม่ได้ว่ามันถามว่าอะไร เชื่อว่าใครๆก็ทำได้เช่นกัน :)
------------------------------------------------

ทิ้งท้ายไว้หน่อย ที่เราเขียนบทความนี้ เพราะอยากให้ทุกๆคนที่มาสอบได้ติดประเทศที่ต้องการในอันดับดีๆ เพราะค่าใช้จ่ายสำหรับโครงการนี้มันแพงมาก! (อันดับ 9 ที่เราได้ยังแพงเลยนะเธอ T_T) ซึ่งแนวทางอาจจะได้ผลหรือไม่ได้ผลก็ได้ ถ้าได้ผลก็จะดีมากๆ :)
อ่อ แล้วก็ถ้าสงสัยว่าทำไมเราถึงเตรียมตัวท่องศัพท์อะไรเยอะขนาดนั้น คือจริงๆแล้ว เราอยู่ม.6 ต้องเตรียมตัวสอบเข้ามหาลัยแล้ว -_- อย่างไรก็ตามการท่องศัพท์และเตรียมตัวแต่เนิ่นๆมันก็ย่อมเป็นผลดีอยู่แล้วนะ (สำหรับน้องๆที่ยังไม่ต้องเตรียมตัวเข้ามหาลัย)

มีใครที่ได้ไปสอบมาแล้ว หรือกำลังจะไปสอบก็แสดงความคิดเห็นมาคุยกันได้เลย :)
ขอบคุณที่อ่านมาจนถึงตรงนี้ 






คุยกับเราทาง Twitter & Instagram: @po2und

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

The Book Depository Unpackaging | แกะห่อหนังสือจาก Book Depository

Book Review - รีวิวหนังสือ | Carry On - Rainbow Rowell

บอกเล่าประสบการณ์การเป็น "ออแพร์ที่อเมริกา" เป็นเวลา 1 ปี (Au Pair in America)