Book Review - รีวิวหนังสือ | Carry On - Rainbow Rowell


คะแนน 8/10

Carry On เป็นหนังสือ YA แนวแฟนตาซีเรื่องแรกและเป็นหนังสือใหม่ล่าสุดในปี 2015 ของ Rainbow Rowell นักเขียนที่มีผลงานหนังสือ YA แนว Contemporary อันโด่งดังอย่าง Eleanor & Park และ Fangirl (อีกทั้งยังมีหนังสือ Adult เรื่อง Attacthments และ Landline ด้วยเช่นกัน)

ใครที่เคยอ่าน Fangirl ก็คงจะรู้ดีว่าหนังสือเรื่องนี้คือเรื่องอะไร และมีที่มายังไง แต่สำหรับคนที่ยังไม่ได้อ่าน จะเล่าคร่าวๆให้นะ จะได้ตัดสินใจว่าจะอ่าน Fangirl ก่อนดีมั้ย

ใน Fangirl นางเอกของเรา แคธ เป็นคนที่บ้านิยายชุด Simon Snow ของ Gemma T. Leslie มากๆ ซึ่งเป็นนิยายเกี่ยวกับโลกเวทมนตร์ โรงเรียนเวทมนตร์ไรงี้ (ให้ความรู้สึกเหมือนเรื่อง Harry Potter อ่ะ) และเธอก็ได้แต่งแฟนฟิคชื่อ Carry On, Simon ซึ่งเป็นแฟนฟิคชาย-ชายของตัวละครที่ชื่อ Simon กับ Baz (จริงๆแล้วตัวละคร 2 ตัวนี้เป็นศัตรูกัน) ซึ่งหลังจาก Rainbow Rowell เขียน Fangirl จบ เธอก็ได้เขียนนิยายเรื่อง Carry On ต่อซึ่งเป็นเรื่องราวของ Simon Snow ในแบบฉบับของ Rainbow Rowell เอง!! (ไม่ใช่แฟนฟิคของแคธ หรือนิยายของ Gemma T. Leslie ทั้งนั้น)

เพราะฉะนั้นจะอ่าน Fangirl ก่อนดีหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับผู้อ่านแล้วแหละ ไม่ได้อ่าน Fangirl ก็รู้เรื่องได้ แต่สำหรับเราในฐานะที่อ่านจบแล้วทั้งสองเรื่อง เรามองว่าอ่าน Fangirl ก่อนก็ดี มันทำให้เรารู้สึกคุ้นชินกับตัวละครเรื่องนี้มากยิ่งขึ้นนะ

หนังสือเรื่องนี้ได้รางวัลที่สองของ Goodreads Choice Awards หมวด YA Fantasy ด้วยนะ!! เย้!! เยี่ยมจริงๆ *\(^o^)/*

ข้อมูลหนังสือ
ชื่อหนังสือ: Carry On
ผู้แต่ง: Rainbow Rowell
Format: Hardback
สำนักพิมพ์: St. Martin's Griffin
ISBN: 9781250049551
ซื้อหนังสือ: Book Depository (ส่งฟรีทั่วโลก)

เรื่องย่อ: Simon Snow เป็นพ่อมดที่ถูกเลือก แต่เขากลับเป็นผู้ที่ถูกเลือกที่แย่ที่สุด เพราะเขายังไม่สามารถควบคุมมนตร์วิเศษได้ด้วยตัวเองเลย ปีนี้เป็นปีสุดท้ายที่เขาจะได้ใช้ชีวิตในโรงเรียนสำหรับผู้มีเวทมนตร์ Watford แต่กลับมีเรื่องวุ่นๆมากมายเกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็น ที่ปรึกษาของเขาที่หลบหน้าเขาตลอด ความสัมพันธ์ที่ระหองระแหงกับแฟนสาว จอมวายร้ายที่จ้องจะทำลายโลกแห่งเวทมนตร์แถมยังมีหน้าตาเหมือนเขาอีก และ Baz รูมเมทที่เป็นคู่ปรับและน่าสงสัยว่าเป็นแวมไพร์ คิดจะวางแผนฆ่าเขาหรือเปล่า เพราะเขาไม่ยอมโผล่มาที่โรงเรียนสักที!

My review (Non-spoilers):
Rainbow Rowell ไม่เคยทำให้ผิดหวังจริงๆ หนังสือของเธอยังให้ความสนุกได้เหมือนเดิม (เพิ่มเติมคือความฟิน -..-) ยอมรับว่าตอนแรกเข้าใจผิดคิดว่าหนังสือนี้คือเรื่องต้นฉบับของ Simon Snow ที่แต่งโดย Gemma T. Leslie เลยหวังไว้เยอะว่าจะเป็นหนังสือแฟนตาซีจ๋า ให้ฟิลลิงแบบ Harry Potter พออ่านไปเรื่อยๆก็เริ่มสงสัยเลยไปอ่านที่ Rainbow อธิบายเรื่องหนังสือไว้ในเว็บ (อ่าน) จึงเข้าใจว่าเล่มนี้มันเป็นแบบฉบับของ Rainbow เอง แล้วฟิลลิงมันก็แตกต่างจาก Harry Potter ด้วย เน้นความโรแมนติคมากกว่า อีกอย่างถึง Rainbow จะอธิบายในเว็บว่าเล่มนี้ไม่ใช่แฟนฟิค (เธอใช้คำว่า canon) แต่ตอนเราอ่านเรายังรู้สึกว่ามันเหมือนเป็นแฟนฟิคอยู่ดีอ่ะ (จริงๆเราไม่เคยอ่านแฟนฟิคจริงๆจังๆมาก่อนนะ ถ้ามันไม่เหมือนก็ขออภัยด้วยค่ะ ._.)

ขอชมตัวเล่มหนังสือหน่อย เราตัดสินใจซื้อปกแข็งภาษาอังกฤษด้วยหลายสาเหตุคือ (1) ข้างในตัวเล่มมีแผนที่โรงเรียน Watford ให้ด้วย ถ้าซื้อแบบปกอ่อนภาษาอังกฤษต้องซื้อแบบ UK ถึงจะมีแผนที่ให้ แต่แผนที่มันไม่ต่อกันอ่ะ มันอยู่ข้างหลังปกหน้า และปกหลัง ไม่ชอบ -_- (2) ปกแข็งแบบนี้จะมีแจ็คเกตห่อ แล้วเราเป็นคนชอบดูข้างในแจ็คเกต มันสวย *-* และ (3) มันเป็นหนังสือของ Rainbow Rowell ควรค่าแก่การซื้อปกแข็งอ่าน้า5555

เนื้อเรื่องดูเผินๆเหมือนจะเป็นนิยายแฟนตาซีจำเจที่เดาเนื้อเรื่องได้ แต่จริงๆไม่ใช่อย่างที่คิด! มันมีอะไรมากกว่านั้น ยิ่งส่วนไคลแม็กซ์ยิ่งสนุก มีดราม่าหน่อยๆ และมีบทสรุปที่คาดไม่ถึง! ในเล่มจะแบ่งเป็น 5 พาร์ท ( Book 1-4, Epilogue) สำหรับเรา Book 1 เป็นพาร์ทที่น่าเบื่อที่สุด เหมือนต้องเล่าความและที่มาในแต่ละปีของ Simon แต่หลังจาก Book 1 เป็นต้นมาคือค่อยๆสนุกขึ้น!

เล่มนี้เป็นหนังสือที่เรียกเสียงหัวเราะจากเราได้เล่มหนึ่ง ความตลกมีอยู่ทั้งในบทสนทนา ความคิดของตัวละคร และคาถาต่างๆ (บางอันตลกจริงๆ ต้องไปอ่าน5555)

ตัวละครเรื่องนี้คือดีงามมมม!! อีกจุดที่ชอบหนังสือเรื่องนี้คือมีการเล่าเรื่องผ่านตัวละครที่หลากหลายกันไป ทำให้รู้ความคิดของตัวละครแต่ละตัว และมุมมองที่เราชอบอ่านที่สุดคือ Baz (และเป็นตัวละครโปรดด้วย) เราเก็บ quote ไว้เยอะแยะส่วนใหญ่เป็นของ Baz ทั้งนั้นเลย55555 และไม่รู้จะเป็นการสปอยล์รึเปล่านะ อย่างที่บอกว่าเราอ่านแล้วมันรู้สึกเป็นแฟนฟิคเรื่องหนึ่ง เพราะฉะนั้นก็พอจะเดาได้เนอะว่าควรจะ ship คู่ไหน ขอรับรองว่าถ้า ship ถูกคู่ก็ฟินแน่ๆ (。-_-。)

ส่วนที่น่าเจ็บใจคือ มีอยู่บางจุดที่เราว่ามันยังไม่ค่อยสุดและไม่ค่อยเคลียร์ ประมาณแบบ อ่าวเฮ้ย แล้วเรื่องของตัวละครตัวนั้นอ่ะ มีแค่นี้? มาแค่นี้? มันยังค้างๆอยู่นะ เดี๋ยวเซ่ อย่าเพิ่งจบ! แล้วดูท่า Rainbow ก็ไม่ได้ตั้งใจจะเขียนภาคต่อด้วย แง T_T

อ่านจบไปหลายวันแล้วแต่ความรู้สึกดีๆจากหนังสือเล่มนี้ยังคงอบอวลอยู่ในใจ ถึงแม้เล่มนี้จะยังไม่ใช่เล่มที่ดีที่สุดของ Rainbow สำหรับเรา แต่ก็ถือว่าเล่มนี้เป็นหนังสือโปรดเรื่องหนึ่งของเราเลยแหละ!

สุดท้ายจะบอกว่าหนังสือ Carry On เป็นหนังสือ YA แนวแฟนตาซีที่ไม่ได้มีแค่ความแฟนตาซี แต่ยังสอนการดำเนินชีวิตอย่างคำว่า Carry On ตามชื่อเรื่อง เพราะฉะนั้นหนังสือเล่มนี้ก็เป็นเรื่องหนึ่งที่ไม่ควรพลาด! (>_<)

"Language evolves, so must we." - Rainbow Rowell, Carry On


"Don't say hello, Simon, because then we'll have to say good-bye, and I can't stand good-byes." - Rainbow Rowell, Carry On

------------------------------------------------
ใครได้อ่านหนังสือเล่มนี้แล้ว มีความคิดเห็นยังไงกันบ้าง? ไปอ่าน Discussion ที่เราเขียนไว้ต่อก็ได้นะ




------------------------------------------------
Discussion (SPOILERS!!):
ยอมรับว่าไม่เคยอ่านหนังสือชาย-ชายมาก่อน แต่เรื่องนี้ฟินจริงจัง (。-_-。) ตอนแรกไม่นึกว่าเป็นนิยายชาย-ชาย เจอประโยค "And I'm hopelessly in love with him." ของ Baz ไป นี่กรี๊ดเลย อยากรู้ปฏิกิริยาของคนอื่นๆหลังอ่านบทที่ 61 จบ นี่ก็กรี๊ดเหมือนกัน555555

ดีนะที่ Simon ก็คิดแบบเดียวกับ Baz ไม่งั้น Baz คงอึดอัดกว่านี้มาก แต่สรุปคือ Simon เป็นเกย์แน่ๆแล้วใช่ป่ะ ตอนแรกๆเหมือนจะไม่ค่อยรู้ตัวเท่าไหร่ เรานึกว่าเป็นไบ55555

Baz เป็นตัวละครที่เท่มากสำหรับเรา มาดนิ่งๆ ซ่อนความรู้สึก แถมต้องปากไม่ตรงกับใจ5555 เวลายิ้มเยาะทีนี่แบบเท่มาก เขินมาก โอ๊ยยย อีกตัวละครที่ชอบนอกจาก Baz คือ Penelope ให้ความรู้สึกเหมือน Hermione เลย ฉลาดๆแต่ดูก๋ากั่นกว่า ส่วนตัวละครที่ไม่ชอบคือ Agatha มีใครไม่ชอบเหมือนเรามั้ย? ก็พอจะเข้าใจอยู่ว่านางอยากเป็นคนธรรมดา แต่เราว่านางดูเป็นตัวละครที่เห็นแก่ตัวอยู่เหมือนกัน จะอะไรนักหนาก็ไม่รู้ -.-

เดากันได้ป่ะว่า Simon เป็นลูกของ The Mage กับ Lucy คือบทที่เป็นมุมมองของ Lucy ครั้งแรกเลย เราคิดไว้ละว่ามันต้องเป็นแม่ใครแน่ๆ55555 และบทที่เฉลยว่า Simon คือลูกนี่ซึ้งจริงจัง น้ำตาไหลเลย สุดท้ายคือ Simon ก็ยังไม่รู้อยู่ดีป่ะว่าตัวเองเป็นลูก The Mage น่าเสียดายเนอะ แอบหวังว่า Lucy จะโผล่มาบอกได้ แล้วก็ขอให้ Agatha ส่งรูปไปให้ Simon ด้วยนะยะ

ตอนแรกคิดภาพ The Mage นิสัยเหมือน Dumbledore จาก Harry Potter ที่แสนดี โอเอมจี ความจริงแล้วฮีน่ากลัวมากจ้า ดูเป็นคนที่ทะเยอทะยานเกินไป จนคลั่งไปเลย เหมือนนักวิทยาศาสตร์โรคจิต ถึงอุดมการณ์จะดีแค่ไหนก็ตาม ตอนที่ฆ่า Ebb คือช็อคมาก! Simon มาเห็นก็น่าจะเข้าไปทำอะไรซักอย่างดิ ฮือออ T_T~

คาถาแต่ละอันในเรื่องตลกกกก~ น่ารักกกก~ ด้วย แต่มันก็ลึกซึ้งอยู่นะที่แบบต้องมีพลังในการออกเสียงถึงกับมีคลาส Elocusion *-* เออจริงๆอยากให้หนังสือพูดถึงเรื่องโรงเรียน Watford มากกว่านี้ด้วยว่ามีวิชาอะไรบ้าง แต่ Rainbow คงไม่ได้ตั้งใจเน้นง่ะ ;___; 

มีตัวละครอยู่ตัวนึงที่เราว่าน่าสนใจและอยากเห็นบทบาทมากกว่านี้คือ Fiona เหมือนมันจะใส่ไปได้มากกว่านี้นะ เราว่าเจ๊แกเท่มากเลย ได้แต่หวังว่า Rainbow จะเปลี่ยนใจเขียนภาคต่อ (ToT)/~~~

ตอนที่ Baz ไปหาแม่ที่หลุมศพ ตอนนั้นทำให้พอเข้าใจคำว่า Carry On ของ Baz ขึ้นมาหน่อย ที่เราเข้าใจคือถึงเขาจะต้องเป็นแวมไพร์ซึ่งแม่เขาเกลียดถึงกับต้องฆ่าตัวตาย ชีวิตเขาก็ยังต้องดำเนินต่อไปในสิ่งที่เขาเป็น ตอนนี้ก็น้ำตาไหลเช่นเดียวกัน T_T ส่วน Carry On สำหรับ Simon ก็คงเป็นใช้ชีวิตต่อไปโดยไร้เวทมนตร์ (แต่มีปีกและหางแถมมา5555) สรุปสุดท้ายชีวิตของทุกคนก็ยังคงต้องดำเนินต่อไป Carry On ต่อไป แต่เป็นเส้นทางที่อาจแตกต่างกัน เช่น Penelope ก็ไปใช้ชีวิตเป็นรูมเมทกับ Simon และ Baz, Agatha ใช้ชีวิตอย่างคนธรรมดา, Fiona ไปเป็นนักล่าแวมไพร์

------------------------------------------------

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

The Book Depository Unpackaging | แกะห่อหนังสือจาก Book Depository

บอกเล่าประสบการณ์การเป็น "ออแพร์ที่อเมริกา" เป็นเวลา 1 ปี (Au Pair in America)